จุดกึ่งกลางคำนวณได้อย่างไร?
วิธีที่ดีที่สุดเพื่อคำนวณจุดกึ่งกลาง คือ การใช้สูตรต่อไปนี้ ซึ่งใช้ในวอลสตรีทมาหลายทศวรรษ ก็คือรวมราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และราคาปิดที่ช่วงเวลาหนึ่ง แล้วหารด้วย 3 (Pivot=(High + Low + Close) /3) จากนั้นนำจุดกึ่งกลางนี้มาใช้คำนวณระดับแนวรับและแนวต้านทั้ง 3 ระดับ ซึ่งสามารถหาได้จากสูตรพื้นฐาน ดังนี้:
แนวต้าน 1 (R1)= จุดกึ่งกลาง + (จุดกึ่งกลาง – จุดต่ำสุด)
แนวต้าน 2 (R2) = จุดกึ่งกลาง + (จุดสูงสุด – จุดต่ำสุด)
แนวต้าน 3 (R3) = จุดสูงสุด +2*(จุดกึ่งกลาง – จุดต่ำสุด)
แนวรับ 1 (S1) = จุดกึ่งกลาง - (จุดสูงสุด - จุดกึ่งกลาง)
แนวรับ 2 (S2) = จุดกึ่งกลาง – (จุดสูงสุด – จุดสูงสุด)
แนวรับ 3 (S3) = จุดกึ่งกลาง – 2*(จุดสูงสุด - จุดกึ่งกลาง)
แนวต้าน 1, แนวต้าน 2, แนวต้าน 3 เป็นโซนของแนวต้านทั้ง 3 โซน
แนวรับ 1, แนวรับ 2 , แนวรับ 3 เป็นโซนของแนวรับทั้ง 3 โซน
โซนเหล่านี้เป็นบริเวณที่ควรให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด เช่น เมื่อราคาขึ้นไปที่ S1 (แนวรับ 1) และไม่มีการพลิกกลับ คุณก็ควรรอปฏิกิริยาที่ S2 (แนวรับ 2) ถ้าราคาขยับไปไกลกว่านั้น ก็ควร S3 (แนวรับ 3)
คุณควรทำอย่างไรกับจุดกึ่งกลาง?
คุณควรใช้จุดกึ่งกลางเป็น:
-
โซนแนวรับ และแนวต้าน
-
โซนที่ราคาลดลง และโซนดึงกลับ
เส้นกึ่งกลาง (Pivot Line) มักสร้างกรอบราคา (Channel) หลังเกิดราคาลดลงหลอก การเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งในทิศทางตรงกันข้ามสามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นผลมาจากจิตวิทยาการเทรด การที่ราคาลดลงปลอม (การเข้าสู่แนวโน้มใหม่ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้น) เป็นความผิดหวังหลังจากที่การเคลื่อนไหวอีกทางเริ่มทำงาน แต่หลังจากการหยุดจริง ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือ การไม่เข้าเทรดทันที แต่รอจนกว่าการกลับเข้าสู่ระดับเดิมเข้ามาสนับสนุน ซึ่งมักกลายเป็นแนวต้าน
เคล็ดลับ:
การเปิดตำแหน่งในโซนดึงกลับหลังราคาลดลงจริง เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
จุดกึ่งกลาง ก็คือระดับแนวรับและแนวต้าน ที่สร้างขึ้นอัตโนมัติตามสูตรดังกล่าว ซึ่งเทรดเดอร์ใช้งานจุดกึ่งกลางเหมือนกับระดับแนวรับและแนวต้าน ในทางหนึ่ง การคำนวณจุดกึ่งกลางโดยอัตโมติทำให้ไม่ต้องวาดระดับแนวรับและแนวต้านเอง ในทางกลับกัน สูตรก็ยังคงเป็นสูตร ดังนั้นจุดกึ่งกลางไม่ได้เป็นสิ่งที่ใช้ทดแทน แต่เป็นสิ่งเติมเต็มระดับแนวรับและแนวต้านซึ่งเทรดเดอร์ต้องวาดเอง